วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รับน้องใหม่

เมื่อเด็กมัธยมเก็บกระเป๋านักเรียน โอนสัมมะโนครัวจากโรงเรียนเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย จากมุมมองของคนที่เคยเป็นคนถูกรับน้อง เป็นคนรับน้องใหม่และเป็นอาจารย์ควบคุมการรับน้องใหม่
จากมุมของคนที่เคยเป็นคนถูกรับน้อง วันแรกๆในรั่วมหาวิทยาลัยในฐานะที่ไม่ได้เป็นมุสลิมในตอนนั้น การคลุกคลีกับเพื่อนต่างเพศและกิจกรรมติ๊งต๊องทั้งหลายดูจะเป็นการเล่นสนุกสนานไปวันในตอนนั้น การพบกับเพื่อนรวมรุ่นและรุ่นพี่นั้น แต่ละมหาวิทยาลัยออกจะต่างกันออกไป อย่างจุฬา เกษตร มศว ดูจะเป็นระบบพี่เก่า รับน้องใหม่ น้องใหม่ดูตัวเล็กสะจริงพี่บอกซ้ายก็ต้องซ้าย ขวาก็ต้องขวา แต่ อย่าง มธ. ที่เป็นประสบการณ์ตรง มีแต่เพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์อาจจะดูง่ายและการปฏิเสธที่จะไม่รวมก็ดูจะง่ายกว่าเพราะเราเป็นเพื่อนกันไง เพื่อนมักจะบังคับเพื่อนไม่ได้ แต่ด้วยความที่เด็กกว่า อ่อนประสบการณ์ในมหาวิทยาลัยมากกว่า ก็ดูเหมือนจะเชื่อฟังในเรื่องบ้างเรื่องและโต้แย้งในบ้างเรื่อง
ในบางสถาบันเช่น มธ. การพบเพื่อนใหม่ และรุ่นพี่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทะเบียนเรียนการเลือกวิชาเรียนและขั้นตอนต่างๆนั้น มหาวิทยาลัยได้ทำการมอบหมายให้รุ่นพี่ช่วยจัดการ เช่นพาน้องไปลงทะเบียนตามวันและเวลาที่กำหนด
เพราะฉะนั้นหากจะบอกว่าฉันเป็นมุสลิมก็ต้องดูสักนิดว่ากิจกรรมไหนที่เราควรจะเข้ารวมและอะไรที่เราควรจะหลีกเลี่ยงดีกว่าจะฟันธงว่ามุสลิมกับการรับน้องเป็นสิ่งต้องห้ามเอาสะเลย
กิจกรรมตอนรับน้องปีหนึ่ง มีตั้งแต่ ร้องเพลงเชียร์ ร้องเพลงมหาวิทยาลัย แข่งกีฬาระหว่างกลุ่ม และ การทำงานรวมกันของเพื่อนในกลุ่ม เพราะคนกลุ่มนี้แหละที่เราจะเจอในห้องเรียนไปตลอดชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย
ถามว่ามีประโยชน์มั๊ย ก็ได้รุ้จักเพื่อนรวมรุ่น ซึ่งต้องพึ่งพาทำงานกลุ่มด้วยกัน เดินไปเรียนด้วยกัน ยืมสนุดโน๊ตมาจดบ้างยามขาดเรียนและอะไรอีกหลายอย่าง
ถามว่าเลอะเทอะมั๊ยก็ต้องตอบตรงว่า มันปะปนกิจกรรมบ้างอย่างก็ไร้สาระ เช่นการเต้นบ้าๆบอๆๆ แต่มันก็เป็นส่วนน้อยไม่ใช่ทั้งหมดของกิจกรรม
พอโตขึ้นมาจนต้องไปรับน้องใหม่ ก็เคยมีความคิดว่า มันเป็นรุ่นต่อรุ่น เราจะกบฏ ยกเลิกรับน้องดีมั๊ยหนอ โดนพี่ๆ กดดันห้ามเลิกอะไรประมาณนั้น ก็เลยจำใจต้องทำต่อจากเขาก็ได้ แต่ก็อย่างที่บอกน้องๆ บ้างคนก็มานั่งดูบอกว่าไม่เล่นด้วย เราก็เข้าใจไม่เล่นก็ไม่เล่น นั่งดูละกัน เขาทำอะไรเป็นสาระจะเข้ามาร่วมด้วยก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
การรับน้องดูออกจะโหดร้ายตามหน้าหนังสือพิมพ์เพราะรุ่นพี่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีทำอะไรคิดแต่ตัวเองสะใจและสนุกโดยลืมความปลอดภัยและอะไรหลายๆ อย่างถึงได้เกิดเรื่องให้เห็นอยู่ทุกๆปี แต่ก็อีกนั้นแหละน้องๆ มันคิดว่าพี่เป็นอะไร เชื่อพ่อกับแม่เหมือนเชื่อรุ่นพี่หรือเปล่าอันนี้น่าสงสัยจริงๆ
พอโตขึ้นมา ต้องมาเป็นคนกำกับดูแลความเรียบร้อยของรุ่นพี่ที่จะรับน้องใหม่ อันนี้เป็นหน้าที่ๆปวดหัวที่สุดเพราะ ความไม่โตและคิดโง่ๆ ของรุ่นพี่ ซึ่งแม้มันจะคิดว่ามันโตแล้ว การกระทำก็ส่อความซื่อบื้อออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง หลายครั้งที่ปิดห้องเชียร์ด้วยอำนาจที่มีเพราะ ไม่เห็นด้วย งี่เง่า พี่ๆ ก็จ๋อยกันไปพักหนึ่ง มาบอกจารย์คับรับรองจะไม่เกิดขึ้นอีกอะไรแบบนี้
ข้อคิดฝากน้องใหม่ จำไว้ว่า มหาวิทยาลัยเป็นของทุกคน และนักเรียนทุกคนก็คือลูกค้าของมหาวิทยาลัย การเป็นลูกค้าใหม่ไม่ได้ทำให้สิทธิของความเป็นมนุษย์และลูกค้าหายไป ตัวเองยังมีสิทธิที่จะไม่เข้าร่วมในกิจกรรมบ้างอย่างที่คิดว่าไม่เหมาะสมและกิจกรรมใดที่ถือว่าเป็นประโยชน์ เช่นการรู้จักเพื่อนการจัดตารางสอน อะไรแบบนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะเข้ารวมเพราะไม่เกี่ยวกับศาสนาและการปะปนนั้น เชื่อว่าถ้าเราไม่เลือกจะเข้าไปอยู่ในระบบการศึกษาแบบสหศึกษาแล้วการปะปนเป็นิส่งที่เลี่ยงไม่ได้แต่ เราเลือกที่จะวางตัวและสำรวมตนได้นะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น