วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

อะไร และ อย่างไร

วันนี้ตั้งหัวข้อเรื่องเป็นคำถาม เพราะประเด็นและความคิด ได้มาจากคำถามที่ว่า ทำไมเราชอบถามกันจัง
ทิกเกอร์ หรือตัวกระตุ้นต่อมสมองให้ทำงานเริ่มจากการไปเวปต่างๆ สื่อต่างๆ ตามเคาน์เตอร์ซุปเปอร์มาเก็ต แมกกาซีนของผู้หญิง ในแมกกาซีนไร้สาระทั้งหลายมักจะใช้คำสองคนำนี้ทั้งไทยและอังกฤษเพื่อนจับสายตาคนให้ซื้อแมคกาซีน ในเวปไซด์คำถามและกระทู้ส่วนใหญ่ก็จะเต็มได้ด้วยคำสองคำนี้ อาจจะแย่ไปกว่านั้นคือถ้าว่า อะไร? หรือ What? ที่ขัดหูขัดตาอย่างมากมายหลายๆครั้งรู้สึกขัดใจ เมื่อส่ง เวป หรือลิงก์ต่างๆ ไปให้พี่น้องได้อ่านแล้วคำถามมันกลับมากว่า เวปเกี่ยวกับอะไร ถามว่า อะไร ทำไมไม่ไปเปิดดูเลยละน้อง ให้พี่เล่าแล้วพี่จะส่งไปให้หนูอ่านทำไม ขัดใจอย่างแรง ในตอนนี้คือในเวปผู้จัดการ มาตั้งโพสว่า “จะพอใจตัวเองอย่างไร” เฮ้ย อะไรกันจะรักตัวเองยังต้องมาถามอีกเหรอ ไปตายสะเถอะ อยู่ไปรกโลก มีแต่น้ำหนักและปริมาตรและไม่มีความคิดเอาสะเลย

และ ทบทวนว่าตัวเองทำอะไรวันๆหนึ่งส่วนตัวแล้วตัวเองก็๋ชอบถามชอบบ่นกับอาจารย์ว่า ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เวลาจะเขียนวิทยานิพนธ์ก็ไปบ่นกับผู้ช่วยด้านภาษาว่า จะเขียนอย่างไร ทำอย่างไร เขาก็เอื่้อมอยุ่เหมือนกัน เขาบอกว่าถ้าถือไม่ลงมือเขียนก็ไม่รุ้หรอกว่าต้องแนะนำเธออย่างไร
ซึ่งรู้สึกตัวเองบกพร่อง ทำวิจัยแล้วต้องมาถามว่าทำอย่างไร

แล้วประเด็นนี้มันก็โผล่ขึ้นมา
ทำไมคำถาม ว่า อะไร (What) และ ทำอย่างไร?(How?) นี้มันฮิตขนาดนี้ ทั้งๆที่ มันเป็นคำถามเบื้องต้นและเหมือนจะง่าย หากเราค้นคว้าและหาความรู้ ซึ่งอยู่ในระดับที่แย่กว่าถามว่า ทำอย่างไร เพราะยังไม่รู้เลยว่า มันคืออะไร


ที่นี้กลับมาดูสิ่งใกล้ตัว และตัวตนของเรา กับคำถามเกี่ยวกับคำว่า มุสลิม
เราเป็นมุสลิม คงไม่ต้องถามใครๆ แล้ว
ว่ามุสลิมคืออะไร ถามตัวเองสิเรายังต้องตอบตัวเองอยู่หรือเปล่าว่า
“มุสลิม”
มุสลิมคืออะไร เราหรือเปล่าที่อึ้งเวลาต้องหาคำตอบว่า
มุสลิมคืออะไร อิสลามคืออะไรเมื่อต้องตอบคำถามชาวบ้าน อันนี้ยิ่งสลด เกิดมาเป็นมุสลิม เลือกจะเป็นมุสลิมแต่ตอบตัวเอง
ไม่ได้ว่ามันคืออะไร
คำตอบ
อิสลามคือ ศาสนาของอัลลอฮ์ที่สักการะพระเจ้าเพียงองค์เดียว และมีศาสดาชื่อมูฮัมหมัด ซอลลัลลออ์ฮูอลัยฮิวสลาม รู้กรอบของอิสลามในกรุอ่านและฮาดีษ หลักอากีดะ และ หลักปฏิบัติตามหนังสือสามารถตอบคำถามตรงนี้ได้ อิสลามมีหน้าที่ปกครองและควบคุมชิวีตของมุสลิมตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ตื่นนอนจน ตาย


มุสลิมคือ มนุษย์ที่นับถือศาสนาอิสลาม และรักษาสิทธิของส่วนต่างๆ อย่าสมบูรณ์
สิทธิของอัลลอฮ์ มีสองส่วนคือ ส่วนของอากีดะห์ และ ส่วนของอิบาดะ มุสลิมต้องตักวา

คำถามมาอีกละตักวาคืออะไร และ ตักว่าอย่างไร โอ๊ยขอใช้ภาษาเหนือเพราะว่าได้ใจมาก เจ็บหัว

1. ตักวาเป็นศัพท์อาหรับ มักจะได้ยินเสมอในคุตบะฮ์วันศุกร์ ตักวอัลลอฮ์ พี่น้องทั้งหลายขอเตือนตัวของผมเองและพี่น้องจงเกรงกลัวอัลลอฮ์เถิด
อ้อ.... ตักว่าแปลว่ายำเกรง
มีคนถามท่านอุมัร ว่า คำว่าตักว่าหมายความว่าอย่างไร ได้รายงานว่า ตักวาคือ ชายคนหนึ่งเดินอยู๋บนหนทางใด้ทางหนึ่ง และ หนทางนั้นก็มีขวากหนามที่จะบาดเท้าตัวเอง และเขาก็เดินบนเส้นทางนั้นด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้หนามไม่มาตำเท้าของตัวเอง อุมัรบอกว่านี้แหละความยำเกรง
เราอยู่ในดุนยานี้อย่ามีสติและระมัดระวัง เดินตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮ์ลและหลีกเลี่ยงจากการฝ่าฝืน
ตัวอย่างการฝ่าฝืนบนโลกดุนยา คื ยิบลิสเมื่อฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ที่อัลลอฮ์สั่งให้สญูดต่อนบีอาดัม
อายะกุรอ่าน
อัลลอฮ์ได้กล่าวในกรุอ่านว่าแท้จริงบ่วงบ่าวของฉันเอย ชัยตอนไม่มีอำนาจเหนือลูกหลานอาดัม ยกเว้นบุคคลที่เลือกที่จะตามชัยตอน ถ้าเราถูกล่อล่วงจากชัยตอรแล้วเราสามารถรอดจากการล่อล่วงขอชัยตอนอาจจะเรียกได้ว่าเรามีตักว่า ยำเกรง หรืออีหม่านหมั่น อ้างอิง.03/08/50 เรื่อง "ความยำเกรง (อัตตักวา)”
สุเราะห์ อัลฮัชรฺอายะที่ 18 “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทเอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮเถิดอละทุกชีวิตจงพิจารณาดูว่าอะไรบ้างที่ตรได้เตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ (วันกียามัตฺ) และจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงนั้นอัลลอฮ์ทรงรู้ยิ่งในสิ่งที่เจ้ากระทำ” (อัลกุรอ่านแปลไทย ของนักเรียนเก่าอาหรับ)
นบีบอกว่า ความตักว่าอยู่ที่นี้ แล้วท่านก็ชี้ไปที่หน้าอกของท่าน มันคือหัวใจค่ะ เปล่าว่า ความยำเกรงหรือตักว่าต้องมาจากหัวใจค่ะ สังวรถึงวันอ่าคีเีราะห์แล้วยำเกรงกันเถิด

แล้วทำอย่างไรจึงจะเรียกตักว่า หรือเกรงกลัว ทำอย่างไรมาวิเคราะห์กัน การเกรงกลัวคำนี้อาจจะไม่เหมาะในเนื้อหาทั่วไปแต่เป็นเนื้อหาที่เหมาะสม
ในสถานะการที่เราจะฝ่าฝืนอะไรสักอย่าง เช่นเกรงกลัวบทลงโทษ ทางกฏหมาย การลงโทษของอัลลอฮ์แต่แล้วในเนื้อหาทั่วไปละควรจะแปลว่าไร
อะไร อะไร ถามอีกละ ตักวาอาจจะแปลให้อ่อนลงด้วยความว่าเคารพรัก คือเชื่อฟัง
ได้ยินอาจารยืมูรีดพูดบ่อยๆ เรื่องศาสนานี้ไม่ต้องคิดเชื่ออย่างเดียวไม่ต้องถาม ให้โง่ไปเลยบอกให้เชื่อก็ต้องเชื่ออย่าถาม
เออจริงวุ้ย ก็ในเมื่อทุกอย่างได้บัญญัติแล้วด้วยอัลลอฮ์ที่เราศรัทธาแล้วในความปราดเปรืองของพระองค์ เราเชื่อแล้วว่าอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง
เราเชื่อแล้วว่าอัลลอฮ์ทรงรู้ยิ่ง เราเชื่อว่าอัลลอฮ์ทรงให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา เราเชื่อว่าสิ่งที่เกิดกับเราคือกฏสภาวะการณ์ของพระองค์ แล้วเราจะถามไปทำไมละค่ะ
สรุปอีกที่ ตักว่าคือ ทำในสิงที่อัลลอฮ์ใช้ และหลีกเลี่ยงและปฏิเสธสิ่งที่อัลลออฮ์ทรงสั่งห้าม เข้าใจม่ะคะ

คำถามต่อมาเราถามอยู๋ทุกวันนี้ คือเราถามว่า ต้องเป็นมุสลิมอย่างไร? ถ้า
จะรู้ว่า เราเองบกพร่อง....บกพร่อง...บกพร่อง....บกพร่อง
มาวิเคราะห์กัน บกพร่อง.. คือ คำชม คำด่า หรือคำตำหนิ

มันคือคำตำหนิว่าเราไม่สมบูรณ์ สินค้ามีตำหนิมักจะมีราคาต่ำกว่า หรือบ้างทีเขาก็โยนทิ้ง
แล้วมุสลิมมีตำหนิละ อัลลอฮ์จะทำอะไรกับเราให้ตกต่ำหรือด้อยค่า ให้เราหลงทางและจุดจบคือโยนลงไปในไฟนรกเพื่อชำระความผิด หรือว่าจะฮิดาญะให้เราค้นพบความบกพร่องนั้นเพื่อแก้ไขและเป็นหนึ่งในชาวสวรรค์ที่พวกเราทุกคนก็ปราถนา โอ้อัลลอฮ์ขอพระองค์ให้โอกาสเราแก้ตัวด้วยเทอญ
อ้อ เรามีโอกาสแก้ตัว แล้วๆๆๆๆๆๆ แก้ตัวอย่างไร เมื่อไรเราจะเลิกถามคำนี้นะ
การกลับเนื้อกลับตัว หรือ อัตเตาบะฮุ คือการกลับไปสู่หลักการอันถูกต้องของอัลลอฮและนอบน้อมเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ การเดินตามแนวทางของบรรดานบีและรอซูลรวมถึงคนศอและห การปฏิบัติส่ิงที่เขานำมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนบีสุดท้ายมูฮัมหมัด
เรื่องจำเป็นต้องคำนึงถึงอย่างมากในการเตาบัตคือ การให้เอกภาพหรือเตาฮีดต่ออัลลอฮ เพียงองค์เดียว และปฏิบัติตามท่านศาสดามุฮัมหมัด เพราะสองสิ่งนี้
ถามว่าถ้าหน้าเราวันหนึ่งไปโดนน้ำมันกะเด็นใส่ เจ็บปวด แสบร้อน มีรอยแผลเป็น นั้นเป็นตำหนิหรือเปล่า แล้วศาสนาละสำคัญกว่า เราทำอะไรหรือยัง
เริ่มต้นอ้างอิงจาก หนังสือของเชฏริฎอ ให้เครดิตเชฏหมดเลยนะคะ

ท่านนบีได้กล่าวว่า “และอัลลอฮจะทรงรับการเตาบัตจากผู้ที่เตาบัตตัว” ในกรุอ่านอัลลอฮ ทรงกล่าวว่า”และพวกท่านจงขอนิรโทษจากพระเจ้าของท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ พระองค์จะทรงให้แก่พวกท่านซึ่งปัจจัยไปจนถึงวาระหนึ่งที่กำหนดไว้และพระองค์จะทรงประทานแก่ทุกๆ ผู้ทำความดีซึ่งความีของพวกเขา และหากพวกท่านผินหลังให้ แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านซึ่งการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่” (11:3)
นอกจากนนี้ ผู้ที่เตาบัตนั้นเป็นผู้หนึ่งในกลุ่มชนที่ประสบความสำเร็จในโลกอาคีเราะ ตามที่อัลลอฮ์ตรัสว่า
“ส่วนผู้ลุแก่โทษและเขาได้ศรัทธาและประกอบความดี บางที่เขาจะอยุ๋ในหมู่ผู้ที่บรรลุความสำเร็จ” (28:67)
อัลกรุุอ่านได้กล่าวถึงการเตาบัตไว้ในหลายประการเช่น
“พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่าแท้จริง อัลลอฮืนั้นทรงรับการสำนึกผิดจากป่วงบ่าวของพระองค์ และทรงรับบรรดาสิ่งที่เป็นท่าน และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นคือ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ” (9:104) ใน (ริฏอ) หน้า 23
”ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ” (110:3) ใน (ริฏอ) หน้า 23
”บรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขากระทำสิ่งชั่วใดๆ หรือ อยุติธรรมแก่ตัวเองแล้ว พวกเขาก็รำลึกถึงอัลลอฮ แล้วขออภัยในบรรดาความผิดของพวกเขา และใครเล่าที่จะอภัยโทษ บรรดาความผิดทั้งหลายให้ได้ นอกจากอัลลอฮ์ และพวกเขามิได้ดื้อรั้นปฏิบัติในสิ่งที่เขาเคยปฏิบัติมาโดยที่พวกเขารู้กันอยู่” (3:135) ใน (ริฏอ) หน้า 25

เงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ในการเตาบะฮฺ นักวิชาการอิสลามได้ระบุ
ประกอบด้วย 4 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1. ถอนตัวจากบาปนั้น โดยผู้ที่ต้องการเตาบัตต้องละทิ้งและเลิกการกระทำที่เป็นบาปนันด้วยความเต็มใจของตัวเขาเอง ไม่ว่าบาปนั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม
2. ต้องเสียใจกับความผิดในบาปที่ได้กระทำ
3. ต้องตั้งใจอย่างแนวแน่และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปกระทำบาปนั้นอีก
4. ต้องปลกพันธนาการตัวเองและรับผิดชอบต่อหนี้หรือสิทธิของผู้อื่นที่ได้ละเมิดไป ถ้าเป็นฮักกุนอาดัม ระหว่างมนุษย์ วายิบต้องไปขออภัยกับเขา ไม่งั้น (พิมพ์ไปขนลุก) ถ้าเป็นฮักกุนลลอฮ์ เช่น ไม่ละหมาด ไม่บวช ทำซินา กินเหล้า สูบบุหรี ต้องขออภัยโทษจากอัลลอฮ์ค่ะ
การปฏิบัติ
ฮาดีษท่านนบี กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮ์ตะอาลาจะแผ่พระหัตถ์ของพระองค์ตอนกลางคืนเพื่อรับการเตาบัตจากผุ้ที่กระทำบาปในเวลากลางวัน และ จะแผ่พระหัตถ์ของพระองค์ในเวลากลางวันเพื่อรับการเตาบัตจากผู้ที่ทำบาปในเวลากลางคืน จนกระทั้งอาทิตย์ขึ้น”
เวลาที่ประเสริฐในการเตาบัคิคือในละหมาดฟัรฏูู 5 เวลาหรือละหมาดซุนนะต่างๆ และเวลาหลังจากละหมาดศุบหและอัสร จากตรงนี้สามารถระบุวิธีการได้ว่า
การเตาบัตให้ทำในละหมาดไม่ว่าจะฟัฏฏู หรือสุนนะ ได้ทุกเวลาๆๆๆๆๆๆ ทั้งกลางวันและกลางคืนนะคะ ทำด้วยตัวเองไม่ต้องไปบอกชาวบ้านไม่ต้องไปปรึกษาโต๊ะครู หรือใครทั้งนั้น ท่านและอัลลออ์ ก็เพียงพอแล้ว

เวลาที่อัลลอฮ์ไม่รับการรับเตาบัต
ฮาดีษบันทึกโดยอัตติรมีซี “ท่านนบีกว่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์จะรับการเตาบัตของบ่าวทุกกาลเวลา เว้นแต่ในสภาำพที่วิญญาณใกล้ออกจากร่าง” ใน (ริฏอ) หน้า 26

ผู้เขียนเสริมจากความทรงจำ อีกเวลาหนึ่ง ก็คือ เมื่อพระอาิทิตย์ึขึ้นทางทิศตะวันตก ซึ่งการเตาบัตใดๆๆ ก็ไม่มีผล อันนี้จำไม่ได้ว่ามาจากฮาดีษหรือกรุอ่าน หวังว่าจะไม่ใช่พรุ่งนี้เช้านะ เด็กๆ รีับไปเตาบัตกันสะดีๆๆ

อิหม่ามบุคคอลี บันทึกว่า ท่านนบีได้กล่าวว่า “แท่จริงเมื่อบ่าวได้สำนึกและสารภาพในความผิดแล้วและทำการเตาบัตตัว อัลลอฮจะทรงรับการเตาบัตนั้น”

อัลลอฮ์สั่งเราไว้ว่า อย่าเพิ่งตายจนกว่าจะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์ เราพร้อมที่จะตายหรือยัง และเราสมบุูรณ์หรือยัง

แล้วต้องเป็นมุสลิมอย่างไรละ กลับมาไปอ่านข้างบนว่า มุสลิมคืออะไรและต้องเป็นมุสลิมอ่ย่างไรข้างบนนะคะ ^_^ อาจจะยังไม่ละเอียดอินชาอัลลอฮ์ ไว้โอกาสต่อไป เรามาคุยกันเรื่องนี้อีกที


ชีวิตหนึ่งเราอาจจะฝ่าฝืนในเรื่องเดิมๆ ที่เคยเตาบัตไปแล้ว อย่าหมดหวัง ให้เตาบัตต่อไปแต่ ให้ถือคำแนะนำนี้ในการใ้ห้โอกาสตัวเองในการสำึนึกผิดเท่านั้น อย่างใช้เป็นข้ออ้างในการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

หากสนใจศึกษาเพิ่มเติมแนะนำให้ไปฟัง
“2547-08-06 มุสลิมสมบูรณ์ (ลาดกระบัง) ของเชคริฏอ”
“2547-08-07 มุสลิมสมบูรณ์ (ลาดกระบัง) ของเชคริฏอ”
“2549-09-16 มุสลิมที่น่ารัก (โีรงแรมรีเจนท์) ของเชคริฏอ”
“คุฏบะฮฺ วันศุกร์ ที่ 03/08/50 เรื่อง "ความยำเกรง (อัตตักวา) เวป อ.มูรีด”
(ริฏอ) หมายถึงอ้างอิงจากหนังสือ การเตาบัตตามบัญญัติอิสลาม ของเชฏริฎอ เดี่ยวจะไป สแกนแล้วส่งให้ฮันเอาขึ้นเวปให้นะ

ต่อไปนี้คือ
ทำอย่างไรให้ไม่ต้องถามว่า อะไรและอย่างไร
หาความรู้ คำเดียวจบ หาความรู้ในทุกแบบ ฟัง อ่าน จากตำรา กรุอ่าน ฮาดีษ บรรยายจากอาจารย์ต่างที่อยู๋ในแนวอัลสุนนะวันญามาอะและกิตาบบุลลอฮ์
ไปจริงๆละ
วัสลามุลัยกุมวาเราะมาตุลลอฮิ วาบารอกาตุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น