วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

หลากหลายเรื่องราว

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

เรื่องที่หนึ่ง ส่วนแรกในหัวข้อมุสลิมเป็นพี่น้องกัน ปรากฏชัดในทั้งอัลกรุอ่านและฮาดีษของท่านนบีมูฮัมหมัดซอลลัลลอฮ์ฯถึงความเป็นพี่น้องของมุสลิม เราจะเห็นได้ว่าถ้าเพียงเรารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมุสลิมความสนิทสนมและความไว้วางใจเกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ เห็นด้วยมั๊ยเอย
แต่ว่าในความเป็นพี่น้องกันนั้น ก็ยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เราต้องระลึกและเตือนตัวเอง
ถึงเราจะเป็นพี่น้องกัน เราก็ยังไม่ใช่พี่น้องท้องเดี่ยวกัน เรายังไม่มีความเป็นมุสลิมมีนและมุสลิมมะห์
อันนี้ประเด็นที่ต้องระวัง

เรื่องที่สอง ตรวจสอบเนียต เนียตหมายถึงการตั้งเจตนารมย์ในการทำอะไรสักอย่างในศาสนา เนียดในการทำอิบาดะห์เป็นสิ่งจำเป็นเช่น เราเนียตจะอาบน้ำละหมาดเพื่ออัลลอฮ์ เราเนียตจะถือศีลอดเพื่ออัลลอฮ์ เราเนียตจะซอฏอเกาะฮ์เพื่ออัลลอฮ์ เราเนียตจะทำอะไรก็ตาม เราเคยตรวจสอบเนียตของเราอีกที่มั๊ย
ถ้าเราลองมานั่งนึกดูเราตั้งเจตนารมย์นั้นแล้วสิ่งที่มันเกิดขึ้นมามันเป็นตามเจตนารมย์นั้นจริงหรือเปล่า
ยากเสียเหลือเกินที่ เนียต นี่ต้องบริสุทธิ์จริงจริงไม่งั้นจะเป็นการโอ้อวดบ้างแทนที่จะได้ 70 เท่า ไม่เหลือเลยก้อได้ เท่าทุน จริงๆ เนียตทำให้เรากำไร กับขาดทุนเท่านั้นนะ ไม่มีเท่าทุน

เรื่องที่ สาม ว่าด้วยการทำงานศาสนา
น้องคนนี้มีเจตนารมย์แน่วแน่ในการทำงานเพื่อศาสนา เขาบอกว่าเขาพร้อมที่จะทำงานศาสนา แต่สิ่งที่เขาขาดคือโอกาส
เอ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลองอ่านอีกครั้งค่ะ
น้องคนนี้มีเจตนารมย์แน่วแน่ในการทำงานเพื่อศาสนา เขาบอกว่าเขาพร้อมที่จะทำงานศาสนา แต่สิ่งที่เขาขาดคือโอกาส เขาไม่มีโอกาส หรือเขาไม่เจอโอกาส หรือเขาไม่แสวงหาโอกาสกันแน่ ลองมาดูกันนะคะ
โ-----------------------------อ--------------------------------ก-----------------------------------า----------------------------------ส
ในสาขาบริหารจัดการ คำว่า โอกาส หมายถึง ปัจจัยและสถานการณ์ภายนอกที่เอื้ออำนวยให้การทำงานบรรลุวัตถุ ประสงค์ หรือหมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการ
พอรู้ความหมายแล้วลองมาดูว่าโอกาสมีขนาดไหนบ้าง ผลตอบรับมันมากน้อยอย่างไรบ้างโอกาสมันอาจเล็กมากจนมองไม่เห็นเลย
โอกาสมันอาจขนาดพอเหมาะเห็น หรือมันอาจจะใหญ่โตจนเราเองก็รับมือมันไม่ไหว
เรามาลองดูก่อน จากสายตาของผู้เขียน อย่ามาอ้างน่ะ ว่าได้ซิ เราไม่ใช่ผู้รู้ เราไม่มีตังค์เยอะ เราไม่มี.........
มันขึ้นอยู่กับน้องต่างหากว่า จำกัดความคำว่าโอกาสว่าอะไร จริงเหรอที่เราไม่มีโอกาสทำงานศาสนาจะขยับทางไหนก้อเป็นงานศาสนาหมดเลยแหละ
อยู่ที่ว่าจะนำเสนอแบบไหน ที่เหมาะสมสำหรับผู้รับ

โอกาสที่หนึ่ง โอกาสที่ใหญ่จนเราอาจจะรับมือมันไม่ไหวกลับจริงมันกลับเป็นอะไรเล็กนิดเดียวใกล้ตัวใกล้ตาใกล้ไปหมดแต่ คิดไม่ถึง เฉลยดีกว่า คือตัวเราเองค่ะ ทุกคนๆคงได้ยินคำว่าพรีเซนเตอร์มาก่อนแน่นอน พรีเซนเตอร์คือ บุคคลที่ทำหน้าที่นำเสนอสิ่งใดสิ่งหนึ่งเช่นสินค้า ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่มีศักยภาพและได้รับผลตอบรับที่ดีระดับต้นๆที่เดียว จึงไม่แปลกใจเลยว่าสินค้าแบรดดังๆ ลงทุนมหาศาลจ้างพรีเซนเตอร์มานำเสนอสินค้า ทำให้บุคคลที่โด่งดังนั้นเป็นไอคอนหรือสัญลักษณ์ของสินค้านั้น ยกตัวอย่าง เดวิท แบคแฮม กับสินค้ามีดโกน ยีน---- (ไม่จ่ายค่าโฆษณา)ไปเดากันเอาเอง คนที่ซื้อสินค้าบางคนดูที่พรีเซนเตอร์เพื่อประกอบการตัดสินใจ คนบ้าบอลบ้าแบคแฮมบางคนใช้ยี่ห้อนี้เพราะคิดว่าทำให้หมือนแบคแฮม
ที่นี้กลับมาเรื่องศาสนาของเรา เคยคิดมั๊ยว่า มุสลิมเป็นพรีเซนเตอร์ของอิสลาม ทำไมอัลกรุอ่านบอกว่าเราเป็นประชาชาติตัวอย่าง แต่ทำไมๆๆๆ สื่อถึงได้บอกว่ามุสลิมเป็นพรีเซนเตอร์ของผู้ก่อการร้ายๆๆๆๆ เพราะว่ามุสลิมไม่เป็นพรีเซนเตอร์ที่ดีนะสิ ถ้าเราปฏิบัติตามหลักการ เป็นมุสลิมที่สมบูรณ์เราก็จะเป็นพรีเซนเตอร์ที่ดีของอิสลามของเราได้ ถามว่าโอกาสนี้ทุกคนมีมั๊ย มันใกล้มากๆ เลยใกล้จนเราลืมนึกไป

โอกาสที่สอง การแสดงความคิดของเรา ผู้เขียนเองอยู่ในวงการศึกษาแต่ไม่มีความเป็นนักการศึกษาเท่าไรเพราะไม่ชอบการเขียนเป็นอย่างมาก แต่แล้ววันหนึ่งก็นึกอยากจะลองเขียนมันสักครั้ง เขียนอะไรก็ไม่รุ้เขียนเถอะ เขียนแสดงความคิดเห็นของเรา แสดงมุมมองของเรา ออกไปให้คนอื่นรู้แล้วก็อัลฮัมดุลิละห์ผลที่ออกมา งานเขียนของเราสิ่งที่เราคิดว่าความคิดของคนธรรมดา ความรู้ศาสนาเท่าหางอึง กับสะกิดหลายๆ คนให้กลับมาคิดและทบทวนได้นิน่า ทุกคนก็เหมือนกันค่ะ ทุกคนเคยเขียนเคยอ่าน และทุกคนมีความคิดและมุมมองของตัวเอง ลองเอาความคิดมุมมองของเรามาตีแผ่ มันอาจจะดูธรรมดาในสายตาของเราเองแต่มันอาจจะเป็นการเปิดโลกทัศน์ เปิดหูเปิดตาคนอ่านก็ได้นะคะ

โอกาสที่สาม เรามาศึกษาหาความรู้ตรงนี้ เคยมั๊ยคิดจะไปบอกต่อ เคยได้ยินมั๊ยลิ้นของเราจะเข้าสวรรค์ก็ด้วยลิ้น จะเข้านรกก็ลิ้นอีกนะแหละลิ้นของเราทำยังไงในงานศาสนา การตักเตือน(จะพูดต่อในเรื่องที่ห้าในวันนี้) การตำหนิ การสอนได้หมดแหละค่ะ เคยได้ยินอาจารย์ท่านหนึ่งบรรยายว่าบอกว่านบีมูฮัมหมัดซอลลัลลอฮ์ฯไม่เคยปล่อยโอกาสที่จะสอนสาวกของท่าเลย ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาดๆ ที่มัสยิด ขณะเดินทาง ขณะกินข้าว ขณะโอ้ยโอกาสเยอะจะตายไป หาสิค่ะ ลองมองดีๆ อย่าคิดการใหญ่ คิดการเล็กแต่ลงมือปฏิบัติทำทุกๆๆ วันการงานเล็กๆ ก็เป็นการงานที่ใหญ่ได้ในวันหนึ่งอินชาอัลลอฮ์


เรื่องที่สาม การศึกษา
การศึกษาในที่นี้คือกระบวนการของการเรียนรู้ ถ้าพูดในวงการมุสลิม การศึกษาสามารถแบ่งได้เป็นสองสาขา คือ ศาสนา และสามัญ
นบีมูฮัมหมัดซอลลัลลอฮ์ฯเคยบอกไว้ว่า เราต้องใช้ชีวิตในดุนยาเพื่ออาคีเราะห์ถูกหรือเปล่าค่ะ
เรียนศาสนา เรียนอย่างไร อันนี้ไม่ถนัดเพราะว่าไม่ได้เรียนแต่เล็กแต่น้อย แชร์วิธีการเรียนของมุสลิมใหม่ไกลบ้านแล้วกันนะคะ อาศัยโหลดคำบรรยายของผู้รู้ที่มีอามานะ มีความรู้และแนวทางที่ถูกต้อง เลือกคนที่รู้และปฏิบัติด้วย แล้วก็ฟังค่ะ ฟังมันบ่อยๆๆ ฟังหลายๆ เรื่อง ถ้าฟังแล้วจำได้ก็ไม่ต้องจด ถ้าจำไม่ได้ก็ให้จด แล้วก็ลองนำมาปฏิบัติ ก็เป็นการเรียนได้อย่างหนึ่งค่ะ อ่านเยอะๆๆๆ ดูเยอะ การติดตามข่าวสารก็เป็นการเรียนแบบหนึ่งนะคะ
เรียนอะไร ที่สำคัญที่สุดในมุมมองผู้เขียนคือ เรียนอากีดะฮ์ หรือหลักศรัทรา ถ้าศรัทธาถูก อากีดะห์เข้มแข็งละก็ทุกอย่างจะตามมา หลงได้ค่อนข้างยาก เรียนเพื่อไปทำอะไร เรียนเพื่อรู้ รู้แล้วเอาไปปฏิบัติค่ะ การเรียนที่เรียนเพื่อแค่รู้แล้วไม่ปฏิบัติไม่เกิดประโยชร์อะไรเลย
ถ้าเรียนแล้วรู้แน่แล้ว มีโอกาส เอาไปสอนต่อด้วยก็จะเป็นประโยชน์มากกว่าเดิมค่ะ

เรียนสามัญ เรียนสามัญคือการเรียนอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา
เรียนอะไร ในสามัญเองก็ยังแบ่งได้เป็นสองสายคือสายสามัญ และสายวิชาชีพ ในระดับก่อนปริญญา วิชาชีพคือการเรียนเพื่อไปประกอบอาชีพเช่นทำขนม เย็บปักถักรอย เรียนช่างเป็นต้น เรียนสายสามัญคือการเรียนในเรื่องทั่วไปที่เป็นพื้นฐานไปต่อยอดในการเรียนระดับปริญญา

เคยได้ยินใช้มั๊ยะว่าอัลลอฮ์ทรงรอบรู้ในทุกๆ อย่าง และไม่มีใครสามารถที่จะรู้ในสิ่งที่อัลลอฮ์ไม่รู้ไม่ได้เพราะอัลลออ์เป็นผู้ทรงรู้ยิ่ง เพราะฉะนั้นแปลกันง่ายคือเรียนอะไรก็ตาม เราก็เรียนรู้ในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงสร้างมันเอาไว้ การเรียนทางสามัญก็มีที่สิ้นสุดค่ะ สิ้นสุดตรงที่เราเข้าใจในอิสลามมากขึ้น เรียนไปเรื่อยสุดท้ายเราจะเข้าใจอัลลอฮ์มาขึ้นค่ะ

เรียนอย่างไร เอาประสบการณ์ของผู้เขียนนะคะ
เรียนอนบาลเพื่อเตรียมเข้าประถม
เรียนประถมเพื่อเตรียมตัวเข้ามัธยม
เรียนมัธยมเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย
เรียนปริญญาตรี สิ่งที่เข้าสอนคือสอนให้เราปฏิบัติ เราอาจจะยังไม่เข้าใจแต่เราปฏิบัติได้แน่ๆ เช่น เขาสอนให้เราเป็นพยาบาลเราก็จบมาเป็นพยาบาลได้ เราเรียนวิศวกรรม ก็ออกมาเป็นวิศวกร เรารู้ว่าเราต้องทำงานยังไงแต่เราไม่เข้าใจแก่นของมันหรอก
เรียนปริญญาโท สิ่งที่เข้าสอนเราคือสอนให้เราประยุกต์ การที่เราจะประยุกต์ได้เราต้องเข้าใจแก่นแท้ของมันก่อนถึงจะเอามันมาปรับใช้หรือประยุกต์ได้
ที่นี้เรียนปริญญาเอก เรียนปริญญาเอกเป็นการเรียนเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อให้เด็ก ป.ตรี ป.โท เรียนกันต่อไป ปริญญาเอกเรียนให้เป็นคนค้นคว้า จริงๆคนปริญญาเอกไม่ถือเป็นนักเรียน แต่ถือเป็นคนทำงาน สร้างความรุ้ใหม่ ถ้าเรียนแล้วคิดๆ แล้วจะรู้ว่าโลกนี้มันเกิดขึ้นมาเองไม่ได้หรอก ไอ้แค่จะจบปริญญาเอกต้องคิดอะไรที่ไม่มีคนอ้างว่าคิดได้มาก่อนนี้ก็แทบตายแล้ว โลกนี้มันจะเกิดขึ้นมาเองได้ยังไง ต้องมีอะไรสักอย่างที่สร้างโลกขึ้นมา แล้วผู้สร้างต้องเป็นพระเจ้าอย่างแน่นอนเพราะมันช่างไม่มีที่ติเอาสะเอง มาชาอัลลอฮ์ อัลลอฮ์ฮูอักบัร
เห้นมั๊ยค่ะเรียนอะไรถ้ารู้ว่าเรียนอะไร เรียนเพื่ออะไร เรืยนไปทำไม มันก็กลับมาที่ศาสนานะแหละ

เรียนเพื่ออะไร เรียนสายสามัญ เรียนเพื่อประกอบอาชีพไเป็นครุเป็นโน้นเป็นนี้เป็นแนวทางในการหาปัจจัยยั่งชีพมาเลี้ยงครอบครัว บำรุงศาสนา และอะไรอีกหลายๆ อย่าง เนียตให้ดี เรียนอะไรเรียนเพื่ออะไร
แต่อย่าลืม เรียนแล้วรู้ แต่ถ้ารู้แล้วไม่ปฏิบัติ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะเรียนกันไปทำไม


เรื่องที่สี่.....................การตักเตือน
นาซีฮัด(ตักเตือน)

ศาสนาคือการตักเตือน
การตักเตือน หมายถึงอะไร การตักเตือน หรือ การท้วงติง คือ การเตือนให้ระวังข้อผิดพลาด
ทุกคนคงเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่เคยถามตัวเองมั๊ยว่า ถ้าเราถูกนาซีฮัดเราพร้อมมั๊ยที่จะเปิดใจรับการตักเตือนนั้นๆ
เราใจกว้างพอจะรับการตักเตือนหรือเปล่า หรือว่าเราคิดว่าเราสมบูรณ์แล้ว
ไม่หรอกค่ะเราบอกไมได้ว่าเราสมบูรณ์คนที่สมบูรณ์ในโลกดุนยานี้มีเพียงคนเดียวคือนบีมูฮัมหมัดซอลลัลลออ์ฯ เท่านั้น
ที่นี้ลองมาเตรียมตัวรับการตักเตือนกันเถอะ
ถ้าอารมณ์ของเราอยู่เหนือการควบคุม การนาซีฮัดของคนอื่นอาจดูเหมือนคำตำหนิ ไม่ใช่เรา เขาพูดเรือ่งอะไรแล้วสุดท้าย คำตักเตือนนั้นก็ทำให้เราหงุดหงิด แล้วเราได้อะไรจากการนาซีฮัดกันละคะ
ที่นี้การเตือนต้องเตือนใครบ้างๆ เตือนพี่น้อง เตือนเพื่อน เตือนพ่อแม่ เตือนสามี เตือนภรรยา เตือนลูกหลาน เตือนผู้รู้ เตือนได้ทุกคนค่ะ แต่ที่ไม่ควรลืมอย่างมาก คือ การเตือนตนเอง การเตือนตัวเองเป้นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาความศรัทธาของเรา และจุดเริ่มต้นของเปลี่ยนทุกอย่างจากสิ่งที่ชั่วมาเป็นสิ่งที่ดีขึ้น การเตือนตนเองและคนอื่นๆ ที่ดีและเหมาะสมที่สุดๆ เตือนตัวเองและผู้ศรัทธา
1. ข้อเตือนข้อแรกเราเป็นบ่าวของอัลลอฮ์ 2. ให้เกรงกลัวอัลลอฮ ์เถิด วันนี้ขอเตือนตัวเองและทุกคนไม่ว่าจะทำอะไรระลึกไว้นะคะ อัลลอฮ์ทรงรับรู้ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ที่อยู๋ในหัวใจและที่แสดงออกมาเป็นการกระทำ จงย่ำเกรงอัลลออ์เถิด............
ลองมาคิดกันหน่อย ถ้าเราถูกนาซีฮัด เราควรทำตัวยังไงเปิด อภิปรายขอข้อคิดเห็นค่ะ
เรื่อง คนที่รู้ศาสนาแล้ว คิดว่าตัวเองสุดยอดแล้ว อ่ะให้ระวังตัว เดี๋ยวจะเข้าข่ายริยาอฺ(การโอ้อวด) คอยแต่ตำหนิโน้น นี่ ตำหนิคนอื่นหันมามองตัวเอง ว่าทำได้แค่ได้ คนทีรู้ศาสนามาก น้อย ปานกลาง ก็อย่าลืมที่จะเปิดใจ เปิดมุมมองรับฟังคำตักเตือนของคนอื่นบ้างนะคะ
ที่นี้เรามาเปิดโอกาสให้ทุกคนตักเตือนกันและกันในเวปนี้กันเถอะค่ะ ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดหัวข้อในการตักเตือนซึ่งกันและกันนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น